ทำไมเราควรดูแลเท้าให้ดี ?

เท้า เพื่อนผู้ซื่อสัตย์ ผู้ปิดทองหลังพระให้เราทุกคได้ยืนได้เดินได้วิ่ง ทำกิจกรรมต่างๆทั้งวัน ไม่เคยปริปากบ่น แม้เรา จะละเลยไม่เคยเหลียวแลเท่าที่ควร 

แต่ทราบไหมว่าหากเราเอาใจใส่ดูแลเท้บ้าง เท้าจะมอบขุมทรัพย์ใหญ่ คือ สุขภาพที่ดีและอายุยืนยาวแก่เราสุขภาพของเรา ขึ้นอยู่กับการไหลเวียนที่ดี ของกระแสเลือดน้ำเหลือง และกระแสประสาท ร่างกายของเราเหมือนเครือข่ายการไหลเวียน ที่ซับซ้อน และละเอียดอ่อน ทุกส่วนเชื่อมโยงประสานงานกัน เหมือนวงดนตรีวงหนึ่ง หากส่วนใด ทำงานไม่ประสานกัน จะเกิดเสียงเพลงที่ไพเราะ คือ สุขภาพร่างกาย และจิตใจที่ดีได้อย่างไร

โดยเฉพาะเท้า เป็นช่องทางไหลเวียนขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับร่างกาย โอกาสที่จะอุดตันจากของเสียต่างๆ จึงเกิดได้ง่ายหากไม่ขยับขยายช่องทางที่อุดตัน ก็จะส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ เป็นลำดับต่อเนื่องกันไป จนส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ธรรมชาติให้เราเดินเท้าเปล่าสัมผัสพื้นดิน ซึ่งการเดินบนทาง ที่มีกรวดหินกิ่งไม้ใบไม้จะช่วยกดนวดขยับขยายช่องทางไหลเวียนโดยอัตโนมัติ แต่ชีวิตคน ยุคนี้ เราเดินอยู่บน รองเท้า หรือ พื้นอาคารเรียบๆ และไม่ได้สัมผัสพื้นดินเลย

หากโชคดีเป็นคนดูแลสุขภาพ ไปรับการบีบนวด เพื่อขยับขยายช่องทางไหลเวียนในเท้าได้บ่อยๆ สุขภาพก็ดีกว่าคนที่ไม่ได้ บีบนวดบ้าง แต่จะมีสักกี่คนโชคดีแบบนั้น และมีสักกี่คนที่พูดได้เต็มปากว่า “ฉันสุขภาพดี”



@แช่เท้าในน้ำอุ่นช่วยได้อย่างไร?

น้ำอุ่นๆจะช่วยให้ช่องทางต่างๆขยายตัว ของเสียที่อุดตัน
ช่องทางอยู่จึงมีโอกาสหลุดออก ทำให้ช่องทางไหลเวียนสะอาด
โล่งขึ้นทุกครั้งที่แช่เท้าในน้ำอุ่นๆ

ยิ่งหากบีบนวดไปด้วย ก็ยิ่งทำให้เท้า กลับมาเป็นช่องทาง
ไหลเวียน ที่ดีขึ้นโดยเร็ว เราก็มีสุขภาพ ดีขึ้นโดยเร็วได้

@แช่เมื่อไหร่ดี?

แนะนำให้แช่เท้าในน้ำอุ่น สัก 5-10นาที ก่อนนอนทุกคืน
คุณจะหลับสบาย หลับลึก และไม่ต้องใช้วิธีนับแกะ หรือ ยาเคมี
ที่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพคุณในระยะยาว

แช่เท้าเสร็จแล้วไม่ควรทำกิจกรรมอื่นใด เช่น ทำงาน
หรือดูทีวี ควรเข้านอนทันที ลงทุนแช่เท้าในน้ำอุ่น 5-10นาที
แลกกับการหลับสบายหลับลึก

@จำเป็นต้องบีบนวดหรือใส่เกลือไหม?

น้ำเกลือ ช่วยดูดซับ ประจุเสียจากร่างกายได้เทียบเท่า
กับการ ที่เราสัมผัสพื้นดินด้วยเท้าเปล่า แนะนำให้ทำสัปดาห์
ละ1-2 ครั้ง ใส่เกลือ 1-2 ช้อนชาต่อน้ำแช่เท้า 1 กะละมัง

ก็เพียงพอการบีบนวดช่วยให้ของเสียอุดตันหลุดง่ายขึ้น
เหมือนขุดลอกคูคลองให้น้ำไหลสะดวกขึ้น แต่หากบีบนวดไม่
สะดวกเพราะติดว่าคุณอ้วนหรือเอวตึงขาตึงก็ขอให้แช่เท้า
ในน้ำอุ่นจัดสักหน่อย

@แนวบีบนวด จะเป็นดังนี้

1. สันด้านข้างเท้าด้านในเป็นแนวกระดูกสันหลัง บีบนวดไล่จากสันเท้าขึ้นไปถึงนิ้วหัวแม่เท้า เทียบเท่าการดูแล
กระดูกสันหลังจากก้นกบขึ้นไปถึงศีรษะ จะช่วยให้ทุกๆ ระบบซึ่งเชื่อมต่อกับกระดูกสันหลังทำงานดี

2. จับนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว โยกซ้าย-ขวา-ขึ้น-ลง-หมุนๆไป-หมุนๆกลับ เทียบเท่ากับหมุนคอช่วยให้ส่งเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น

3. งอนิ้วล้วงจากโคนนิ้วเท้าขึ้นมาปลายนิ้วทุกนิ้ว เทียบเท่า
กับการนวดคอและท้ายทอย ทำให้เลือดไปเลี้ยงจมูก ตา หู มากขึ้น

4. นวดหลังเท้าและข้อเท้า เทียบเท่ากับนวดกล้ามเนื้อ, เส้นเอ็น, ต่อมน้ำเหลืองของร่างกายด้านหน้าและเอว

5. นวดฝ่าเท้า ส่วนที่ชิดโคนนิ้วเท้า เท่ากับนวดบ่า ส่วนกลางเท้า
คือ ระบบอวัยวะภายในช่องอก ช่องท้องช่วยให้การย่อยอาหา
และขับถ่ายดีขึ้น

6. นวดข้างเท้าด้านนอก เทียบเท่ากับนวดแขนขา นวดใต้ตาตุ่ม
ช่วยให้ข้อ สะโพกสบายขึ้น

7. นวดบริเวณด้านข้างของส้นเท้า ทั้งด้านนอกและด้านใน ช่วย
ปรับสมดุลฮอร์โมนทั้งเพศชายและเพศหญิง สำหรับผู้ที่เข้าวัยทอง

หวังว่าคุณจะได้พบกับสุขภาพที่ดี จากการแช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอนทุกคืน และมีคุณภาพชีวิตที่ดี อายุยืนนาน...

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

โภชนาบำบัด ผลไม้คือยาวิเศษ


โภชนาบำบัด ผลไม้คือยาวิเศษ

1.ดื่มน้ำร้อนปลอดทุกโรค
2.กินไข่วันละฟอง ไม่ต้องไปหาหมอ
3.หยุดกินน้ำตาลทราย เพราะเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคต่างๆ
4.กินทุเรียน ช่วยรักษาโรคมะเร็ง และแก่ช้า
5.กินแตงโม ช่วยแก้เลือดอุดตัน ลิ่มเลือด และช่วยบำรุงเลือด ถ้าเป็นผู้ชาย จะทำให้สมถรรพภาพทางเพศแข็งแรง
6.สตรีกินสับปะรด ช่วยกระช้บช่องคลอด
7.กินกล้วยไข่ ช่วยบำรุง ตับ ไต ผิว ตา กระดูก(เหมาะสำหรับคนทำงานหน้าคอมส์)ทำให้หน้าอกโตด้วย
8.กล้วยน้ำหว้านำไปเผาทั้งเปลือก ช่วยรักษา ปวดหัว ตัวร้อน และเบาหวาน
9.กล้วยหอม เด็กถ้ากินช่วยให้ความจำดี และสตรีวัยทองช่วยปรับฮอร์โมนให้กินกับน้ำมพร้าวอ่อน จะดีมาก ช่วยรักษาโรคฮันจิสัน(สตรีถ้ากินมากจะเซ็กส์จัด)
10.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กินและทาหน้า ร่างกายทำให้ดูอ่อนกว่าวัย รักษา ฝ้า กระ ดีมาก เพราะน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตั้งต้นของเครื่องสำอางค์ทุกชนิด
11.กินน้ำมันหมูดีที่สุด

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ทุเรียน คือ ราชาแห่งผลไม้‬

" กินทุเรียนลดความอ้วน "
‪#‎คนไทยถูกหลอก‬ ว่ากินทุเรียนแล้วอ้วน กินทุเรียนแล้วเป็นเบาหวาน แต่มีงานวิจัยทั้งไทยและเมืองนอกรองรับว่า ‪#‎ทุเรียนคือราชาแห่งผลไม้‬ เพียงแต่รัฐบาลไม่มีเงินงบประมาณไปโฆษณาแข่งกับแอปเปิ้ลหรือผลไม้นอก

สรรพคุณของทุเรียน
1. ช่วยฆ่าเชื้อ จากกำมะถันในเนื้อเป็นเสมือนยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ ถ่ายพยาธิ
2. ช่วยเผาผลาญ จากความร้อนของกำมะถัน จึงทำให้ลดความอ้วน
3. ช่วยระบาย จากกากที่เป็นเส้นใยยุ่บยั่บในเนื้อช่วยขัดล้างลำไส้
4.มีสารแอนตี้ออกซเด้นซ์และวิตามินอีสูง จะช่วยป้องกันและรักษา มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม ลดไขมัน ลดคลอเรสเตอรอล ต้านความแก่
( หมอนทอง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระดีกว่าพันธุ์ชะนี และ พันธุ์ก้านยาว )
วิธีกินทุเรียนเพื่อลดความอ้วน ( สูตรโบราณที่ได้ผล )
เริ่มกินหลังตื่นนอนตอนเช้า ช่วงเวลา 5.00-7.00 น กินครั้งละไม่เกิน 2 -3 พู (ประมาณ 4-6 เม็ด) กินได้ทุกพันธุ์ หลังจากนั้นก็ให้ ‪#‎ดื่มน้ำอุ่นตาม‬ อย่างน้อย 2 แก้ว คำแนะนำต้อง ‪#‎งดอาหารเช้าของวันนั้นๆ‬ ความร้อนจากน้ำอุ่นจะทำให้สารกำมะถันทำงานดีขึ้น จะทำให้คุณถ่ายออกมาจำนวนมากเส้นใยในทุเรียน จะไปชวยชะล้างสิ่งสกปรกต่างๆภายในลำไส้ทำให้มีกลิ่นเหม็น ควรกินติดต่อกันเป็นเวลา 2 วัน จึงทำให้คุณนั้นผอมลงและยังช่วยให้ร่างกายสดชื่น
อาจกิน 2 เม็ด (ลดจำนวนลง) แทนข้าวมื้อเย็นได้
(เน้น!!!..ห้ามกินข้าวในมื้อนั้นๆนะจ๊ะ )
‪#‎ทุเรียนน้ำกะทิควรหลีกเลี่ยง‬ เพราะอุดมไปด้วยน้ำตาล ข้าวเหนียว และไขมันจากกะทิ และอาจทำให้เกิดอาการร้อนในได้ด้วย..!!!
ที่มา : นิตยสารหมอชาวบ้าน

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS